ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 68–69 โตต่ำเพียง 2.2%–2.0% พิษสงครามการค้ากระทบส่งออกทรุด–หนี้ครัวเรือนพุ่งฉุดกำล

08 พฤษภาคม 2568
ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 68–69 โตต่ำเพียง 2.2%–2.0% พิษสงครามการค้ากระทบส่งออกทรุด–หนี้ครัวเรือนพุ่งฉุดกำล

ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 68–69 โตต่ำเพียง 2.2%–2.0% พิษสงครามการค้ากระทบส่งออกทรุด–หนี้ครัวเรือนพุ่งฉุดกำลังซื้อ

ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ซิตี้ รีเสิร์ช (Citi Research) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2568 เหลือ 2.2% จากเดิมที่ประเมินไว้ 3.0% และคาดว่าในปี 2569 เศรษฐกิจจะขยายตัวเพียง 2.0% สาเหตุหลักมาจากภาวะการค้าโลกที่ผันผวน ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและภาคการผลิตของไทยโดยตรง ขณะที่หลายโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) อาจเผชิญกับความล่าช้า

การบริโภคภาคเอกชนยังคงอ่อนแรง จากระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง แม้ภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการดิจิทัลวอลเลต และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำช่วงต้นปี 2568 โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้ปานกลางถึงสูงที่ยังคงพยุงการใช้จ่ายในช่วงที่ผ่านมา แต่เริ่มได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้น ขณะเดียวกัน ครัวเรือนบางส่วนยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมาเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งส่งผลต่อไทยด้วย

ด้านภาคการท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 จะอยู่ที่ 39.8 ล้านคน และเพิ่มเป็น 43 ล้านคนในปี 2569 อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และความกังวลด้านความปลอดภัยที่ส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีน

แม้การใช้จ่ายภาครัฐยังคงมีบทบาท แต่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ยังมีข้อจำกัด หากไม่มีการยกเพดานหนี้เกิน 70% ต่อจีดีพี ทำให้คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 จากงบประมาณเหลือจ่ายของปีก่อนหน้า รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นขนาดเล็กเพิ่มเติม

ซิตี้ยังปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 2568 เหลือ 0.6% และปี 2569 เหลือ 1.2% สะท้อนแนวโน้มที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่สอง โดยมีแรงกดดันจากราคาสินค้าและพลังงานที่ลดลง เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน และสินค้านำเข้าจากจีน

จากสถานการณ์ดังกล่าว ซิตี้คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ในเดือนตุลาคม 2568 เหลือ 1.50% ต่อปี และอาจลดอีก 0.25% ช่วงต้นปี 2569 เพื่อผ่อนคลายนโยบายการเงิน

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่ ธปท. จะใช้ค่าเงินบาทที่อ่อนลงเป็นเครื่องมือรองรับแรงกระแทกจากภายนอกอาจประสบความท้าทาย เนื่องจากไทยยังไม่สามารถนำดุลบัญชีเดินสะพัดมาใช้ภายในประเทศได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่ไทยอาจถูกจับตามองจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ว่าอาจมีพฤติกรรมบิดเบือนค่าเงิน

นายทาริก อาเหม็ด ข่าน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการขายและโซลูชันภาคองค์กรประจำประเทศไทยและเวียดนาม ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวสรุปว่า การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้จากประเทศเศรษฐกิจหลักต่าง ๆ กำลังกระทบศักยภาพการส่งออกและการลงทุนของไทย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีการชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าไทย 90 วัน แต่อัตราภาษี 36% ยังสร้างความไม่แน่นอน และกระทบต่อความสามารถในการใช้ประโยชน์จากการกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทานโลก


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.