ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 68–69 โตต่ำเพียง 2.2%–2.0% พิษสงครามการค้ากระทบส่งออกทรุด–หนี้ครัวเรือนพุ่งฉุดกำลังซื้อ
ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ซิตี้ รีเสิร์ช (Citi Research) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2568 เหลือ 2.2% จากเดิมที่ประเมินไว้ 3.0% และคาดว่าในปี 2569 เศรษฐกิจจะขยายตัวเพียง 2.0% สาเหตุหลักมาจากภาวะการค้าโลกที่ผันผวน ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและภาคการผลิตของไทยโดยตรง ขณะที่หลายโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) อาจเผชิญกับความล่าช้า
การบริโภคภาคเอกชนยังคงอ่อนแรง จากระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง แม้ภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการดิจิทัลวอลเลต และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำช่วงต้นปี 2568 โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้ปานกลางถึงสูงที่ยังคงพยุงการใช้จ่ายในช่วงที่ผ่านมา แต่เริ่มได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้น ขณะเดียวกัน ครัวเรือนบางส่วนยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมาเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งส่งผลต่อไทยด้วย
ด้านภาคการท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 จะอยู่ที่ 39.8 ล้านคน และเพิ่มเป็น 43 ล้านคนในปี 2569 อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และความกังวลด้านความปลอดภัยที่ส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีน
แม้การใช้จ่ายภาครัฐยังคงมีบทบาท แต่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ยังมีข้อจำกัด หากไม่มีการยกเพดานหนี้เกิน 70% ต่อจีดีพี ทำให้คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 จากงบประมาณเหลือจ่ายของปีก่อนหน้า รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นขนาดเล็กเพิ่มเติม
ซิตี้ยังปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 2568 เหลือ 0.6% และปี 2569 เหลือ 1.2% สะท้อนแนวโน้มที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่สอง โดยมีแรงกดดันจากราคาสินค้าและพลังงานที่ลดลง เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน และสินค้านำเข้าจากจีน
จากสถานการณ์ดังกล่าว ซิตี้คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ในเดือนตุลาคม 2568 เหลือ 1.50% ต่อปี และอาจลดอีก 0.25% ช่วงต้นปี 2569 เพื่อผ่อนคลายนโยบายการเงิน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่ ธปท. จะใช้ค่าเงินบาทที่อ่อนลงเป็นเครื่องมือรองรับแรงกระแทกจากภายนอกอาจประสบความท้าทาย เนื่องจากไทยยังไม่สามารถนำดุลบัญชีเดินสะพัดมาใช้ภายในประเทศได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่ไทยอาจถูกจับตามองจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ว่าอาจมีพฤติกรรมบิดเบือนค่าเงิน
นายทาริก อาเหม็ด ข่าน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการขายและโซลูชันภาคองค์กรประจำประเทศไทยและเวียดนาม ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวสรุปว่า การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้จากประเทศเศรษฐกิจหลักต่าง ๆ กำลังกระทบศักยภาพการส่งออกและการลงทุนของไทย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีการชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าไทย 90 วัน แต่อัตราภาษี 36% ยังสร้างความไม่แน่นอน และกระทบต่อความสามารถในการใช้ประโยชน์จากการกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทานโลก